วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

ตำนานนางเงือก



ตำนานนางเงือก
นางเงือก (mermaid) เป็นสัตว์โลกอยู่ในทะเลในจินตนาการ มีศรีษะและลำตัวท่อนบนเป็นผู้หญิงสวย ท่อนล่างเป็นปลา ภาษาเยอรมันเรียกนางเงือกว่า meerfrau และเดนมาร์กคือ maremind โจนส์ระบุว่านางเงือกคือเทพธิดาแห่งทะเล มักปรากฏตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ มือหนึ่งถือหวีสางผม มือหนึ่งถือกระจก มีลักษณะคล้ายไซเรน (siren - ปีศาจทะเล ครึ่งมนุษย์ผู้หญิง ครึ่งนก มีเสียงไพเราะมาก ล่อลวงคนไปสู่ความตาย ในนิทานปรัมปราของกรีก) แต่เดิมนางเงือกอาจจะเป็นธิดาของพวกเคลต์ (ชาวไอริชโบราณ) นอกจากนี้ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกมาจากเรื่องเล่าของพวกกะลาสีด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความหายนะของมนุษย์ (Jobes 1961: 1093) แต่โรสกล่าวว่า บางครั้งนางเงือกก็ให้คุณต่อมนุษย์ มนุษย์ที่ช่วยเหลือนางเงือกมักได้รับความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาโรคซึ่งเยียวยาไม่ได้แล้ว ได้ของกำนัล หรือนางเงือกช่วยเตือนให้ระวังพายุ (Rose 1998: 218) บางครั้งนางเงือกก็ได้รับสมญานามว่าพรหมจารีแห่งทะเล มีลักษณะสวยงาม กระจกของนางเงือกคือสิ่งที่แทนวงพระจันทร์ และผมที่สยายยาวคือสาหร่ายทะเล หรือรังสีบนผิวน้ำ (Jobes 1961: 1093) แต่บางครั้งก็กล่าวว่ากะลาสีเรือเดินทางไปในเรือนานๆเข้า ไม่ได้เห็นผู้หญิงเลยก็เกิดภาพหลอนขึ้นมา นั่นคือนางเงือกไร้ตัวตนอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเดินทางทางเรือเกิดจินตนาการเพราะว้าเหว่คิดถึงครอบครัว ในอดีตการเล่าขานตำนานของเงือกส่วนมากจะคล้ายๆกันคือสาวน้อยที่โผล่พ้นน้ำด้วยท่อนบนเปลือยเปล่าแต่ท่อนล่างที่อยู่ใต้น้ำนั้นเป็นปลาในวรรณคดีไทยก็กล่าวถึงเงือกไว้ว่าเป็นสาวงามที่สวยสะอาด ท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนร่างเป็นปลามีประทุมถันอวบและที่สำคัญเป็นเอกของเรื่องพระอภัยมณีเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดและกำเนิดสุดสาครตัวเอกของเรื่อง(ตกลงจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่ ) เงือกเป็นปริศนาเล้นลับหลายศรรตวรรษที่ผ่านมามีเรื่องเล่าขานกันว่าถ้าบนบกมีสัตว์ที่ครึ่งคนครึ่งม้า(เซนทอร์ไง) ในน้ำก็ต้องมีครึ่งคนครึ่งปลาข้อสรุปนี้อาจเป็นสมมุติฐานที่เลื่อนลอยแต่เราเคยพบปลารูปร่างหน้าตาเหมือนหมู แต่ไม่ได้หมายความว่าในน้ำมีหมูอยู่จริงนี่.. หลักฐานที่พบจากหนังสือพิมพ์เซ้าแอฟริกัน ฟรีเทอร์เรียนิวส์ ฉบับวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1977 รายงานว่ามีคนพบเงือกตนหนึ่งขึ้นมาเหนือน้ำขณะที่ทะเลคลั่งและท้องฟ้ามีแต่ดาวมีร่างท่อนบนเป็นหญิงสาวแสนสวยลอยเหนือผิวน้ำสักพักก็จมหายไปแต่เห็นมีส่วนที่คล้ายหางของปลาชูขึ้นแล้วจมหายลงไปในทะเล ตามตำนานเกี่ยวกับเงือกนั้นกล่าวไว้ว่าเทพโอนเน่ส์เทพเจ้าแห่งท้องน้ำเทพเจ้าแห่งแสงสว่างและสติปัญญามีบุตรสาว และบุตรชาย ที่มีรูปร่างคล้ายปลา ให้ดูแลท้องน้ำในมหาสมุทรและปกครองทะเลทั้งหมด เรื่องนึงที่น่าประหลาดเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1608 มีคนพบคนครึ่งปลากลุ่มใหญ่ออกมาปิดปากถ้ำที่เซ็นไอเว่ส์แถบชายฝั่งเบ็นโอเวอร์เนื่องจากเรือหลายลำได้รับคำสั่งให้ไปจับคนนอกศาสนาหรือเหล่าเพแกนมาทำโทษและจัดการฆ่าทิ้งศพลงทะเล เหตุการณ์นี้ยังเป็นที่งุนงงมาถึงปัจจุบันว่าจริงหรือไม่ บางตำนานก็กล่าวไว้ว่าเงือกคือปีศาจที่คอยทำให้นักเดินเรือหลงทางและเรืออัปปรางในที่สุดก็จมสู่ก้นมหาสมุทร เธอจะอยู่บนผาหินคอยหวีผมและร้องเพลงทำให้นักเดินเรือเคลิ้มด้วยเสียงและท่าทางที่ยั่วยวนของเธอทำให้หลงทิศทางและพอเรือเข้ามาใกล้เสียงเพราะเพราะที่ได้ยินนั้นก็กลับกลายเป็นเสียงหวีดร้องที่โหยหวนน่ากลัวแล้วเงือกก็จะจมเรือเหล่านั้นลง หลักฐานอีกอย่างที่สนับสนุนเรื่องเงือกมีจริงเมื่อปี1685ได้มีชาวประมงพบซากสัตว์ที่ดูคล้ายคนครึ่งปลานอนตายเกยชายฝั่งของฟิลิปปินไปทางตะวันตก และ ปี 1741ได้มีคนพบซากของปลามีหัวเป็นคนที่ฝั่งทางตอนใต้ของออสเตเรีย แต่ที่สำคัญเมื่อ ปี 1985 ได้มีคนค้นพบปลาชนิดหนึ่งมีหัวคล้ายๆหน้าของมนุษย์ตัวเป็นปลาต่อมาได้ให้ชื่อปลาชนิดนี้ว่า HUMANFISH คุณสมบัติของนางเงือกบางตำนานกล่าวถึงนางเงือกว่าเสียงของนางเงือกจะใสกังวาลและชักนำพากลาสีเรือแตกลงสู่ห่วงน้ำวงใต้ทะเล บางตำนานกว่าวว่า เสียงของนางเงือกไพเราะและขับร้องพาเรือลงสู่วังน้ำวน บางตำนานกล่าวว่า นางเงือกเป็นแค่ปล่าพยูน แต่ข้อนี้ตัดทิ้งไปได้เพราเราคิดว่าคงไม่มีทางมองพยูนเป็นคนได้หรอก -*- บางตำนานกล่าวว่า น้ำตาของนางเงือกจะเป็นไข่มุกแมพลังในการคุ้มครองจากปีศาจร้าย บางตำนาน (รุ้สึกจะหลายที่แต่จำไม่ได้ว่ามาจากไหนบ้าง -*-) มงกุฏของนางเงือกทำมาจากใบไม้ใต้ท้องทะเลมีพลังในการฝื้นพลังและรักษา นางเงือกสามารถว่ายรวมกันเพื่อสร้างน้ำวนได้ และยังสามารถทำให้เรือจมลงได้ บางตำนานยังกล่าวว่านางเงือกเป็นธิดาของโพเซดอนอีกด้วย